วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2560

Supply Chain

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะขอพูดเรื่อง บริหารธุรกิจ ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายมากมายที่เกิดขึ้นไวมาก จนบางธุรกิจไม่สามารถรับมือได้
และต้องออกจากการแข่งขันไป

ตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial Revolution)สิ้นสุดลงในกลางศตวรรษที่ 19 ธุรกิจแทบทั้งโลก
มีการผลิตแบบอุตสาหกรรม Mass เป็นการผลิตที่เน้นปริมาณเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการที่โลกมีการขยายตัวของจำนวนประชากรอย่างรวดเร็ว
เกือบ 200 ปี ที่ผ่านมา มีการพัฒนาเทคโนโลยี และมูลค่าเพิ่ม (Value added) ให้กับสินค้า (Goods) ตลอดเวลา และระบบทุนนิยมเองก็เกื้อให้มีการเกิดใหม่ของธุรกิจตลอดเวลา
ดังนั้นจึงมีการแข่งขันในสมรภูมิ คือ ตลาด อย่างดุเดือด ชนิดที่เรียกว่า "ถ้าอ่อน ก็แพ้ไป"
และการดำเนินการจะเป็นแบบองค์กรเดี่ยว คือ ผลิตเองขายเอง Business to Customers หันหน้าชนกันจะๆกับคู่แข่งขัน ซึ่งการแข่งขันแบบนี้ทำให้บาดเจ็บ ล้มตายทั้งคู่
เพราะต้องแบกรับความเสี่ยงไว้เองทั้งหมดตั้งแต่ ต้นน้ำถึงปลายน้ำ คือ
คัดสรรวัตถุดิบ (Material)
ผลิต (Production)
ขนส่ง (Logistics&Distribution)
จัดจำหน่าย (Retail)
แต่กลับมีข้อมูล (Information) และเงินทุน (Capital) จำกัด




ในปลายศตวรรษที่ 20 จึงเริ่มมีการหันมาใช้การบริหารธุรกิจแบบใหม่ คือ Business to Business เป็นรูปแบบธุรกิจเครือข่าย (Network) คือมีการแบ่งงานกันทำ การเข้าถึงข้อมูล (Information) สะดวกขึ้น มีการกระจายความเสี่ยง เริ่มจากมีธุรกิจจัดหาวัตถุดิบ ธุรกิจผลิต ธุรกิจขนส่งและกระจายสินค้า ธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก ทุกธุรกิจเข้าถึงข้อมูลซึ่งกันและกัน ทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้น บางธุรกิจที่ใหญ่ๆ ก็มักจะใช้รูปแบบ บริษัทลูก หรือ Business Unit (BU)เช่น ในประเทศไทยจะเห็นได้ชัด คือ เครือ CPF ซึ่งมีบริษัทลูก BU มากกว่า 200 บริษัทตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
การแข่งขันในตลาดทุกวันนี้ไม่ใช่การแข่งขันระหว่าง ธุรกิจอีกต่อไป แต่จะเป็นการแข่งขันระหว่าง Supply chain กับ Supply chain คือ ใครมี Business Partner หรือNetwork ที่แข่งแกร่งกว่าก็ Win ไป

สรุป Supply Chain คือ สายทางการผลิตและเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าและบริการ เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ(จัดหาวัตถุดิบ) ไปจนถึงปลายน้ำ(มือผู้บริโภค) End User

Cr. เชฟหมูตุ๋น

วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2560

VLOOKUP + MATCH (Exact)

VLOOKUP + MATCH (Exact)

เมื่อบทความที่แล้วเรารู้จัก Vlookup และ Drop_Down ไปแล้วว่าใช้ยังไง คราวนี้เราจะนำเจ้าฟังก์ชั่น MATCH
มาใช้คู่กับ Vlookup ดูบ้างว่ามันจะออกมาหน้าตาเป็นยังไง จะช่วยให้เราค้นหาข้อมูลได้ง่ายขนาดไหนไปดูกันเลยครับ
ขอเริ่มต้นที่ MATCH ก่อนแล้วกันครับ
MATCH เป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยให้เราหาตำแหน่งของค่า พจน์ หรือ cell ว่าอยู่ในตำแหน่งที่เท่าไหร่ของช่วงข้อมูลที่เราต้องการหา
MATCH(lookup_value, lookup_array,[match_type})
  Lookup_value คือ ตัวเลข พจน์ หรือ cell ที่เราต้องการหาตำแหน่ง หรือใช้เป็นเกณฑ์
  Lookup_array คือ ช่วงของข้อมูลที่เราต้องการสืบค้น
  match_type คือ ชนิดของการประมวลผล มี 3 แบบ Less than, Exact, Greater than
Less than กับ Greater than จะสามารถดึงค่าเรียงลำดับในกรณีที่ช่วงของข้อมูลเป็นตัวเลข ส่วน Exact จะดึงค่าที่ตรงตัวเป๊ะๆ เท่านั้นมาแสดง
ดังนั้น Vlookup กับ Match (Exact) จึงเป็นสิ่งที่อยากนำเสนอ ไปดูตัวอย่างพร้อมๆกันเลยครับ



ตัวอย่าง จากตารางประกอบด้วยชุดข้อมูลที่บ่งบอกความเฉพาะตัวของพนักงานขายไม่ว่าจะเป็น Name, Region, Post code, PO, Volume, Grade
แต่ถ้าเราต้องการทราบข้อมูลของแต่ละคนก็ต้องมาคอยเลื่อนดูด้วยตาเปล่า ซึงอาจเกิดข้อผิดพลาดได้ ถ้าเป็นชุดข้อมูลน้อยๆก็ดีไป แต่ถ้าเกิดเราไปเจอกับชุดข้อมูลเป็นล้านๆcells จะทำอย่างไร
จากรูปภาพ เบื้องต้นเรามาเรื่องทำ Drop_Down เพื่อให้ง่านแก่การใช้กันก่อน D22 สีฟ้าเราใส่ชื่อแต่ละคนลงไป D23 สีเหลืองเราใส่ลักษณะเฉพาะลงไป (Region, Post code, PO, Volume, Grade)
คราวนี้มาเขียนสูตรกันใน F23 สีเขียว VLOOKUP+MATCH: (lookup_value, table_array, MATCH(lookup_value, lookup_array,[match_type}), [range_lookup])
ข้อสังเกตุง่ายๆ คือ เราจะแทรก MATCH เข้าไปแทน Col_index_num ในสูตร Vlookup นั่นเอง
=VLOOKUP($D$22,$B$2:$G$16,MATCH($D$23,$B$2:$G$2,0),FALSE)

เห็นมั้ยครับมันทำให้ชีวิตง่ายขึ้นจริงๆ ในรูปเราอยากรู้ว่า Tony ผลงานอยู่เกรดไหนก็แค่คลิ๊กเลือก Identity หรือถ้าเราอยากรู้ของคนอื่นๆก็คลิ๊กเลือก Name ได้เลย เพราะเราใส่ Drop_Down ไว้หมดแล้ว ผลลัพธ์จะปรากฎให้เราเห็นทันที
ผู้ที่ไม่มีพื้นฐาน excel มาก่อนอาจจะอ่านยังไม่รู้เรื่อง จะพยายามเข้ามาปรับปรุงบทความเรื่อยๆนะครับ

Cr.เชฟหมูตุ๋น